วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

แบบทดสอบตอบคำถามสุขภาพ

คำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

1. ระบบย่อยอาหารเริ่มขึ้นที่ใด
    ก.  ปาก
    ข.  
    กระเพาะอาหาร
    ค.  
    ลำไส้เล็ก
    ง.  
    ลำไส้ใหญ่
2. อวัยวะใด  ทำหน้าที่คลุกเคล้าอาหารกับน้ำลาย
    ก.  ปาก
    ข.  
    ลิ้น
    ค.  
    หลอดอาหาร
    ง.  
    กระเพาะอาหาร
3. อวัยวะข้อใด  ทำหน้าที่ย่อยอาหารและพักอาหารชั่วคราว
    ก.  ปาก
    ข.
     หลอดอาหาร
    ค.  
    กระเพาะอาหาร
    ง.  
    ลำไส้เล็ก
4. ข้อใดเป็นหน้าที่ของตับ
    ก.  ผลิตน้ำย่อย
    ข.  
    ผลิตน้ำดี
    ค.  
    ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน
    ง.   
    ดูดซึมอาหาร
5. การย่อยอาหารในกระเพาะอาหารจะใช้เวลานานเท่าใด
    ก.  1-2 ชั่วโมง
    ข.  
    2-3 ชั่วโมง
    ค.  
    3-4 ชั่วโมง
    ง.  
    5-6 ชั่วโมง
6. กรดอะมิโน แอมิเลส (Amylase)  ย่อยอาหารชนิดใด
    ก.   แป้ง
    ข.  
    โปรตีน
    ค.  
    น้ำตาล
    ง.  
    ไขมัน
7. ข้อใดทำหน้าที่ย่อยโปรตีนของ้ำนม
    ก.  เพปซิน (Pepsin)
    ข.  
    เรนนิน (Rennin)
    ค.
     แอมิเลส (Amylase)
    ง.  
    ไลเพส (Lipase)
8. ข้อใดทำหน้าที่ย่อยไขมัน
    ก.  ไลเพส (Lipase)
    ข.  
    ทริปซิน (Tryprin)
    ค.  
     ไทอาลิน (Ptyalin)
    ง.   
    มอลเทส (Maltase)
9. ช่วยระบายของเสียและกากอาหารออกจากร่างกาย  เป็นหน้าที่ของอวัยวะใด
    ก.  ลำไส้เล็กท่อนกลาง
    ข.  
    ลำไส้เล็กท่อนปลาย
    ค.  
    ลำไส้ใหญ่
    ง.  
    ไส้ติ่ง
10. การออกกำลังกายทันทีภายหลังรับประทานอาหาร  จะมีผลอย่างไรต่อสุขภาพร่างกาย
    ก. อ่อนเพลีย
    ข.
    จุกเสียด
    ค.
    ลำไส้เล็ก
    ง.
    ลำไส้ใหญ่
11. ข้อใดเป็นหน้าที่ของระบบหายใจ
    ก.  การถ่ายเทก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซออกซิเจน
    ข.  
    การนำก๊าซออกซิเจนจากอากาศภายนอกเข้าสู่ร่างกายและถ่ายเทก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา
    ค.  
    การหายใจผ่านหลอดลม
    ง.  
    การขยายช่องอก  เพื่อให้ปอดพองโต
12. ส่วนใดช่วยปรับอุณหภูมิของลมหายใจ
    ก.  หลอดลม
    ข.  
    ปอด
    ค.  
    หัวใจ
    ง.   
    กระบังลม
13. การหายใจถูกควบคุมโดย
    ก.  จมูก
    ข.  
    หลอดลม
    ค.  
    ปอด
    ง.  
    กระบังลม
14. การหายใจเข้า  ลักษณะของกระบังลมเป็นอย่างไร
    ก.  กระบังลมหดตัว
    ข.  
    กระบังลมคลายตัว
    ค.  
    กระบังลมคงที่
    ง.  
    กระบังลมทำงานแผ่วลง
15. ข้อใดเป็นหน้าที่ของเยื่อบุจมูกและขนอ่อนในจมูก
    ก. หายใจเข้า - ออก
    ข.  
    กรองฝุ่นละออง
    ค.  
    แลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
    ง.  
    ไอ  จาม
16. ข้อใดเป็นส่วนที่หลอดอาหารและหลอดลมมาบรรจบกัน
    ก.  คอหอย
    ข.  
    กล่องเสียง
    ค.  
    ขั้วปอด
    ง.  
    ขั้วหัวใจ
17. ข้อใดเป็นส่วนที่แยกออกจากปลายล่างสุดของหลอดลม
    ก.  หลอดอาหาร
    ข.  
    คอหอย
    ค.  
    กล่องเสียง
    ง.  
    ขั้วปอด
18. ก๊าซชนิดใดที่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจอย่างมาก
    ก.  คาร์บอนไดออกไซด์
    ข.  ค
    าร์บอนมอนน๊อกไซด์
    ค.  
    ออกซิเจน
    ง.  
    ไนโตรเจน
19. โรคของระบบการหายใจข้อใด  เกิดจากการหายใจเอาอากาศที่สกปรกเข้าสู่ร่างกายเป็นเวลานาน
    ก.  หอบ  , หืด
    ข.  
     ถุงลมโป่งพอง
    ค.  
    ปอดดำ
    ง.  
    ริดสีดวงจมูก
20. ข้อใดเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากระบบการหายใจ
    ก.  หอบ  , หืด
    ข.  
    วัณโรค
    ค.
     ถุงลมโป่งพอง
    ง.  
    มะเร็งปอด

วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

แบบทดสอบก่อนเรียนเรื่องอาหาร และโภชนาการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ

           ให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบตัวอักษรหน้าข้อความที่ถูกต้อง

1.ผู้ป่วยโรคไตควรเลือกรับประทานอาหารชนิดใด

ก.รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ                         ข.รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง

ค.รับประทานอาหารที่มีรสจืด                             ง.รับประทานที่มีรสจัด

2.วัยใดมีการเจริญเติบโตและการพัฒนาการเป็นไปอย่างรวดเร็ว

ก.วัยทารก                                                    ข.วัยเด็ก

ค.วัยรุ่น                                                        ง.วัยผู้ใหญ่

3.อาการกล้ามเนื้อกระตุก เป็นตะคริว คลื่นไส้ อาเจียน มีสาเหตุมาจากการได้รับสารพิษชนิดใดเข้าสู่ร่าง

กาย

ก.สารบอแรกซ์                                              ข.สารฟอกขาว

ค.สารฟอร์มาลิน                                            ง.สารเร่งเนื้อแดง

4.สารตกค้างของยาปฎิชีวนะและดีดีที พบมากในเนื้อสัตว์ชนิดใด

ก.เนื้อหมู                                                     ข.เนื้อไก่

ค.เนื้อวัว                                                      ง.ปลาหมึก

5.ส่วนใดของสัตว์ปีกที่มีการสะสมของสารตกค้างมากที่สุด

ก.อก สะโพก                                                ข.อก ปีก

ค.คอ หัว                                                     ง.หัว ปีก

6.สารแคดเมียมซึ่งเป็นสารปนเปื้อนมาจากน้ำเสียของโรงงานอุตสาหกรรม มักพบในสัตว์ทะเลชนิดใด

ก.กุ้ง                                                         ข.หอย

ค.ปู                                                          ง.ปลาหมึก

7.ผักที่มักพบไข่พยาธิหรือตัวอ่อนของพยาธิคือผักชนิดใด

ก.ผักกาดขาว                                              ข.ผักคะน้า

ข.ถั่วฝักยาว                                                ง.มะเขือพวง

8.ผักในกลุ่มใดที่น่าจะมีความปลอดภัยต่อสุขภาพมากที่สุด

ก.ผักแว่น ยอดแค                                        ข.กะหล่ำปลี ใบยอ

ค.ผักบุ้ง ข้าวโพดอ่อน                                  ง.ถั่วงอก สะระแหน่

9.สารเคมีชนิดใดที่ใช้แช่หรือรดผักผลไม้ให้มีความสดอยู่เสมอ

ก.สารฟอกขาว                                           ข.สารฟอร์มาลิน

ค.สารบอแรกซ์                                           ง.กรดซาลิซิลิก

10.การสะสมสารพิษในร่างกาย มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารในข้อใด

ก.เลือกรับประทานเนื้อสัตว์สลับกับผัก

ข.เลือกรับประทานอาหารที่ชอบทุกประเภท

ค.เลือกรับประทานเพียงผักและผลไม้

ง.เลือกรับประทานอาหารหรือผักเพียงชนิดเดียว

แบบทดสอบหลังก่อนเรียนเรื่องคุณค่าของชีวิตและครอบครัว

          ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้อง

1.การเปิดใจยอมรับความแตกต่างในเรื่องทัศนคติของผู้ปกครอง จะช่วยลดปัญหาในข้อใด

ก.ปัญหาการหนีเรียน

ข.ปัญหาเรื่องเพศ

ค.ปัญหาการยกพวกตีกัน

ง.ปัญหาช่องว่างระหว่างวัย

2.การเดินจับมือถือแขน หรือการแสดงความรักต่อกันอย่างเปิดเผยเป็นวัฒนธรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจาก

ชาติใด

ก.อินเดีย                                          ข.จีน

ค.ชาติตะวันตก                                  ง.ชาติตะวันออก

3."โตขึ้นแล้วจะรู้เอง" เป็นตอบที่มักมาจากคำถามในเรื่องใด

ก.เพศ                                              ข.วิทยาศาสตร์

ค.ไสยศาสตร์                                     ง.การวางแผนครอบครัว

4.สถาบันใดที่มีความสำคัญในการปลูกฝังค่านิยมทางเพศให้กับวัยรุ่นได้ดีที่สุด

ก.สถาบันการศึกษา

ข.สถาบันครอบครัว

ค.สถาบันสังคม


ง.สถาบันพัฒนาบุคลิกภาพ

5.ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางเพศ และการเจริญเติบโตมีผลต่อการพัฒนาในด้านใด

ก.พัฒนาการทางเพศ

ข.พัฒนาการทางด้านร่างกาย

ค.พัฒนาการทางด้านอารมณ์

ง.พัฒนาการทางด้านบุคลิกภาพ

6.เมื่อวัยรุ่นหญิงมีปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือน ควรขอคำปรึกษาจากใคร

ก.แม่

ข.พ่อ

ค.เพื่อน

ง.ครูพยาบาล

7."วัยหัวเลี้ยวหัวต่อ" เป็นลักษณะที่ใช้เรียกบุคคลวัยใด

ก.วัยเด็ก

ข.วัยรุ่น

ค.วัยผู้ใหญ่

ง.ผู้ใหญ่วัยทอง

8.พฤติกรรมใดที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยทางเพศในวัยรุ่นมากที่สุด

ก.ชอบดูหนังแนวสยองขวัญ

ข.ชอบทำกิจกรรมที่ท้าทาย


ค.ให้ความสนิมสนมกับเพื่อนต่างเพศ

ง.ให้ความสนิมสนมกับเพื่อนต่างวัย

9.วัยรุ่นมีความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องใดมากที่สุด

ก.เรื่องเพศ

ข.เรื่องส่วนตัวตัวของเพื่อน

ค.เรื่องการเรียน

ง.เรื่องครอบครัวของตนเอง

10.ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการวางแผนครอบครัว

ก.การวางแผนระยะห่างของการมีบุตร

ข.การกำหนดเพศของบุตร

ค.การควบคุมการมีบุตรตามจำนวนที่ต้องการ

ง.การวางแผนการใช้ชีวิตคู่ในด้านเศรษฐกิจ

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ความเสี่ยงต่อวัยรุ่น

พฤติกรรมวัยรุ่น:
มีปัญหาอารมณ์และพฤติกรรม สาเหตุอาจเกิดจากการร้องไห้เพื่อต้องการเรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่ หรือเพื่อน หรือเพื่อทดสอบว่า พ่อแม่หรือเพื่อนรักเราจริงไหม รักเท่าคนอื่นไหม หรือเรียนรู้มาตั้งแต่เด็กว่าใครขัดใจก็จะร้องไห้จนติดเป็นนิสัย วิธีการช่วยเหลือ กรณีติดเป็นนิสัยจะต้องใช้เวลานานในการรักษา



รู้สึกเหงา เป็นเรื่องธรรมดาที่ในแต่ละช่วงเวลาที่เราอยู่คนเดียวในบางขณะ บาง บรรยากาศ หรือสถานการณ์ เราจะเกิดความรู้สึกเหงาขึ้นมา เช่น บางครั้ง ที่เราฟังเพลงเศร้า ๆ หรือถูก ปล่อยให้อยู่ตามลำพังนาน ๆ โดยมิได้ติดต่อ กับใคร ในช่วงที่เราห่างไกลเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง หรือคนใกล้ชิด

วัยรุ่นกับความเหงา คุณเป็นวัยรุ่นที่กำลังเหงาอยู่หรือเปล่าคะ อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ ความเหงาเป็น เรื่องธรรมดาสำหรับวัยรุ่น และสำหรับคนทั่วไปด้วย บางครั้งคนเราก็จะรู้สึกเหงา ขึ้นมาเฉย ๆ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะบรรยากาศเป็นใจ เช่น บรรยากาศตอนใกล้ค่ำ หรือช่วงที่ต้องอยู่คนเดียว ห่างไกลผู้คน

วัยรุ่นชอบโกหก
วัยรุ่นโกหกเก่ง โกหกบ่อย หรือไม่พูดความจริงหรือพูดกำกวม จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง มักมีสาเหตุ อย่างน้อย ๆ 3 อย่างด้วยกัน คือ 1. จงใจที่จะไม่พูดความจริงปิดบังอำพรางความเป็นส่วนตัวของเขา ไม่ต้องการให้ใครรู้ 2. ไม่กล้าพูดความจริง เพราะกลัวจะถูกตำหนิติเตียน

วัยรุ่นชอบขโมยของ การลักขโมยของวัยรุ่นมักมีสาเหตุสำคัญ ๆ อย่างน้อย 3 อย่างคือ 1. เพราะขาดการอบรมบ่มนิสัยหรือจริยธรรม 2. เพราะขาดแคลนในสิ่งที่ต้องการปรารถนา 3. เพราะต้องการแก้แค้นพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู-อาจารย์ หรือองค์กร ที่ตนสังกัด 4. เพราะมีปัญหาทางจิตใจ

วัยรุ่นที่มีนิสัยเกียจคร้าน
หากวัยรุ่นเกียจคร้าน สบาย ๆ ไม่อยากทำอะไร / นอนทั้งวัน ก่อนอื่นใด พ่อแม่หรือผู้ใหญ่ จะต้องไม่ด่วนตกใจหรือด่าทอตำหนิติเตียนให้เขารู้สึกเจ็บช้ำ น้ำใจ จึงเข้าใจว่านั่นเป็นความประพฤติ ที่อาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวชั่วครู่ชั่วยาม เท่านั้น แต่ถ้าพฤติกรรมเกียจคร้าน

วัยรุ่นที่ใช้เงินเปลือง
ปัญหาการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยของวัยรุ่น เช่น ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เกินตัว ชอบซื้อ ของที่ไม่จำเป็น แรก ๆ ที่ซื้อมาก็อาจจะเห่อ พอนานเข้าก็เบื่อแล้ว เลิกสนใจไปเลย หรือไม่ก็ซื้อ เพราะอยากมีเหมือนเพื่อน ๆ ถ้าเป็นเช่นนี้คุณควร ฝึกให้ลูกรับผิดชอบค่าใช้จ่าย

วัยรุ่นชอบคิดมาก ปัญหาหนึ่งที่มักพบได้บ่อยในหมู่วัยรุ่น ก็คือเรื่องของการเป็นคนชอบคิดมากค่ะ คือจะชอบวิตกกังวลกับเรื่องที่ผ่านมาแล้วในอดีต และบางคนจะเป็นห่วงถึงเรื่อง ในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เป็นความคิดที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ เป็นทุกข์ แต่ก็ไม่สามารถหยุดคิดได้

เมื่อวัยรุ่นน้อยใจ พ่อแม่อาจไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำให้ลูกวัยรุ่นรู้สึกเจ็บปวดและน้อยอกน้อยใจคือ การกระทำที่ทำให้ เขารู้สึกว่าพ่อแม่ลำเอียงรักลูกไม่เท่ากัน ทั้ง ๆ ที่พ่อแม่ ่อาจไม่ได้ตั้งใจ หรือคิดไปไม่ถึงเสียด้วยซ้ำ เช่น ชอบพูด

วัยรุ่นที่ชอบน้อยใจ สิ่งที่ทำให้ลูกวัยรุ่นรู้สึกเจ็บปวดและน้อยอก น้อยใจมากก็คือ การที่คุณทำให้เขารู้สึกว่าคุณลำเอียง รักลูกไม่เท่ากัน ทั้ง ๆ ที่คุณเองก็อาจจะไม่ได้ตั้งใจ หรือคิดไปไม่ถึงด้วยซ้ำแต่การที่คุณชอบเอาลูก คนหนึ่งไปเปรียบเทียบว่าด้อยกว่าลูกอีกคนหนึ่ง

วัยรุ่นอารมณ์รุนแรง โดยทั่วไป วัยรุ่นมีอารมณ์รุนแรงเป็นธรรมชาติ ตั้งแต่รุนแรงเพียงเล็กน้อย เช่น หงุดหงิด ตำหนิคนอื่น คิดเร็วทำเร็ว จนถึงอารมณ์รุนแรงมาก ๆ เช่น ก้าวร้าว ดื้อดึง ด่าทอ ชวนทะเลาะต่าง ๆ และที่ออกจะรุนแรงมากเป็นพิเศษก็คือ ยกพวกตีกัน ก่อความไม่สงบในชุมชนและสังคม

วัยรุ่นกับเกมกด(วิดีโอเกม)
วัยรุ่นสมัยนี้ มักมีปัญหาเกี่ยวกับการติดเล่นเกมส์ต่างๆ จนมากเกินไป ถึงขั้นที่ว่าอาจเล่นจนติดนานจนไม่มีเวลาไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์มากกว่า อาทิเช่น ทบทวนบทเรียน, ทำการบ้าน, อ่านหนังสือ เป็นต้น ดังนั้นวิธีทางแก้ไขที่ดีที่สุดคือ ผู้ปกครองควรจะคอยสอดส่องดูแล อบรมสั่งสอนลูกไม่ให้ใช้เวลากับการเล่นเกมส์มากเกินไป แต่สิ่งที่สำคัญคือ พ่อแม่ไม่ควรใช้กล่าวว่ากล่าวตักเตือนที่รุนแรงเพราะจะยิ่งเป็นการกระตุ้น ให้ลูกไม่เชื่อฟัง และยิ่งเล่นเกมส์มากขึ้นไปอีก


ปัญหาของวัยรุ่น


:ปัญหาของวัยรุ่น:
วัยรุ่นกับการขาดความมั่นใจในตนเอง คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าคะที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง จะทำอะไรก็ต้องคอย ตามเพื่อน จะแต่งตัวก็ต้องตามแฟชั่น ไม่กล้าที่จะทำอะไรแตกต่างจากคนอื่น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า สิ่งที่คุณอยาก ทำนั้นเป็นสิ่งดี -หรือบางทีก็ต้องจำใจทำตามเพื่อนทั้งๆ ที่รู้ว่าสิ่งที่เพื่อนทำ

วัยรุ่นกับยาเสพย์ติด เรื่องการลองยา เสพย์ยาในหมู่วัยรุ่นเป็นเรื่องที่ฮิตมาก เป็นมาทุกยุคทุกสมัย
และผู้ใหญ่จำนวนมากทีเดียวที่มักเหมาเอาว่า เป็นเพราะความอยากรู้อยากลองและเป็น

หนีออกจากบ้าน/ไม่อยากอยู่บ้าน วัยรุ่นหนีออกจากบ้าน / ไม่อยากอยู่บ้าน มักมีสาเหตุหลัก ๆ อย่างน้อย 2 ประการ คือ 1. บ้านไม่เป็นสุข 2. ติดเพื่อน ทางช่วยเหลือแก้ไขที่ดีก็คือ แก้ตามเหตุ 2 ประการนั้น ทั้งนี้อย่าได้ด่วนวิตก และตื่นตระหนก จนเกินไป

คิดมากและกังวลบ่อยๆ ปัญหาของเด็กวัยรุ่นที่มีลักษณะคิดมากและกังวลใจบ่อย ๆ นั้น โดยทั่วไปวัยรุ่น จะเป็นวัยที่ช่างคิดช่างฝันและช่างจินตนาการ ซึ่งในบางคนจะมีลักษณะ คิดมากกว่าทำ หรือผิดแล้วมิได้พูดคุยให้ใครทราบ แต่จะคิดวนในเรื่องเดิมซ้ำ ๆ หรือบางคนจะครุ่นคิดเกี่ยวกับปัญหาใด

ปัจจัยที่ส่งผลให้วัยรุ่นเกิดอารมณ์ทางเพศ


:ปัจจัยที่ส่งผลให้วัยรุ่นเกิดอารมณ์ทางเพศ:
อารมณ์ทางเพศที่เกิดขึ้นในช่วงการเข้าสู่วัยรุ่นเป็นพัฒนาการอย่างหนึ่งที่ แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของร่างกายที่จะสืบทอดและดำรงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์ โดยมี สิ่งเร้าสำคัญใน 2 ลักษณะประกอบด้วย ลักษณะของปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายใน (intrinsic stimulus) และลักษณะของปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายนอก (extrinsic stimulus)

ลักษณะของปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายใน


.. ลักษณะของปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายใน ..
ปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายใน หมายถึง สิ่งเร้าซึ่งเป็นผลที่เกิดจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกาย โดยได้รับอิทธิพลมาจากการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ ซึ่งผลิตฮอร์โมนออกมาเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายมีการพัฒนาอย่างเป็นระบบและต่อ เนื่อง



ต่อมไร้ท่อที่ทำหน้าที่ควบคุมและกระตุ้นรวมทั้งผลิตฮอร์โมนทางเพศที่สำคัญ ได้แก่ ต่อมใต้สมองหรือต่อมพิทูอิทารี (pituitary gland) และต่อมเพศ (gonads)

1. ต่อมใต้สมอง หรือ พิทูอิทารี เป็นต่อมไร้ท่อที่สำคัญที่สุดของร่างกาย และถือว่าเป็นต่อมหลักในการควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกายและพัฒนาการทาง เพศ มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มาสเตอร์แกลน (master gland)

2. ต่อมเพศ ถือว่าเป็นปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายในที่กระตุ้นให้คนเราเมื่อย่างเข้าสู่ วัยรุ่นมีพัฒนาการทางเพศ และนำไปสู่การเกิดอารมณ์ทางเพศตามช่วงวัย ในเพศชายต่อมเพศ คือ ลูกอัณฑะ (testis) ส่วนในเพศหญิงต่อมเพศ คือ รังไข่ (ovary)
ฮอร์โมนที่ต่อมเพศในแต่ละเพศผลิตออกมา มีคุณลักณะที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการทางเพศ และการเกิดอารมณ์ความรู้สึกทางเพศ ดังนี้

1) ฮอร์โมนเพศของเพศชาย
เมื่อย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น กลุ่มเซลล์เนื้อเยื่อของลูกอัณฑะ นอกจากจะผลิตเซลล์เพศชาย หรือ อสุจิ (sperm) แล้ว ยังผลิตฮอร์โมนเพศออกมาด้วย ที่สำคัญ คือ ฮอร์โมนเทสทอสเทอโรน (testosterone) ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้จะส่งผลให้วัยรุ่นเพศชายมีลักษณะความเป็นชายที่เห็นได้ อย่างชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลโดยตรงต่อพัฒนาการของการ เกิดความรู้สึกต้องการทางเพศขึ้น และหากตัดลูกอัณฑะทั้งสองข้างออกในช่วงของวัยเด็ก จะส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติในร่างกายขึ้น เป็นต้นว่า อวัยวะเพศจะไม่เจริญเติบโต ไม่มีคุณลักษณะของความเป็นชาย มีการสะสมของไขมันบริเวณใบหน้า แขน หน้าอก และบริเวณรักแร้มากขึ้น และยังพบว่าบริเวณกล่องเสียงจะมีขนาดที่เล็กลงส่งผลให้มีเสียงคล้ายผู้หญิง และถ้าหากตัดลูกอัณฑะทั้งสองข้างออกในวัยผู้ใหญ่จะส่งผลให้เป็นหมัน ไม่มีความรู้สึกทางเพศ และมีคุณลักษณะบางประการไปในทางเพศหญิง ได้แก่ ความแข็งแรงลดลง ขนาดของกล้ามเนื้อเล็กลง เป็นต้น

2) ฮอร์โมนเพศของเพศหญิง
ในเพศหญิงรังไข่ถือว่าเป็นต่อมเพศ จะผลิตฮอร์โมนสำคัญที่เกี่ยวกับพัฒนาการทางเพศของเพศหญิงออกมาที่สำคัญ ได้แก่ ฮอร์โมนเอสตราดิโอล (estradiol) ฮอร์โมนฟอลลิคอวลาร์ (follicular) และฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน (progesterone) โดยแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติในการกระตุ้น และควบคุมพัฒนาการทางเพศในเพศหญิง เป็นต้นว่า ฮอร์โมนเอสตราดิโอล และ ฮอร์โมนฟอลลิคิวลาร์ ซึ่งโดยภาพรวมจะมีอิทธิพลในการควบคุมคุณลักษณะของความเป็นหญิง ตลอดจนกระตุ้นให้อวัยวะเพศของเพศหญิงเปลี่ยนจากลักษณะในวัยเด็กไปสู่วัย ผู้ใหญ่มากขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลให้มีรูปร่างที่ได้สัดส่วนมากขึ้น มีประจำเดือนและมีการพัฒนาทางด้านจิตใจที่เป็นผู้หญิง และเกิดความรู้สึกต้องการทางเพศ ขึ้นเช่นเดียวกับเพศชาย แต่โดยธรรมชาติความรู้สึกที่เกิดขึ้นดังกล่าวเพศหญิงจะควบคุมอารมณ์และความ ต้องการได้ดีกว่าเพศชาย และพบว่าฮอร์โมนเอสตราดิโอลยังมีคุณลักษณะในการกระตุ้นให้รังไข่ ผลิตไข่ออกมาเดือนละฟองสลับกันข้างซ้าย ข้างขวา โดยมีฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน ทำหน้าที่กระตุ้นให้ผนังมดลูกมีความหนาขึ้นเพื่อพร้อมรับการฝังตัวของไข่ที่ ได้รับการผสม

ฮอร์โมนเพศเป็นปัจจัยภายในที่สำคัญที่เป็นสิ่งเร้าให้วัยรุ่นพัฒนาการของ อารมณ์ทางเพศเกิดขึ้น และนำไปสู่การเกิดความต้องการทางเพศตามช่วงวัย ในเพศชายฮอร์โมนที่เป็นปัจจัยสำคัญ คือ ฮอร์โมนเทสทอสเทอโรน ส่วนในเพศหญิง คือ ฮอร์โมนเอสตราดิโอล และฮอร์โมนฟอลลิคิวลาร์

ลักษณะของปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายนอก


.. ลักษณะของปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายนอก ..
ปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายนอก หมายถึง สภาพแวดล้อมภายนอกต่างๆที่สามารถกระตุ้นผู้ที่รับรู้ให้เกิดอารมณ์ทางเพศขึ้น ซึ่งสิ่งเร้าเหล่านี้มีหลายรูปแบบ ได้แก่

1. สื่อรูปแบบต่างๆ
ในปัจจุบันมีสื่อหลากหลายรูปแบบที่กระตุ้นให้วัยรุ่นเกิดอารมณ์ทางเพศ โดยเฉพาะสื่อทางเพศ เป็นสื่อที่นำเสนอภาพหรือข้อมูลที่ให้ความรู้เรื่องเพศ มีทั้งสื่อที่สร้างสรรค์และไม่สร้างสรรค์
สื่อที่สร้างสรรค์ คือ สื่อที่ให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องเพศ ได้แก่ การมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกวิธี การป้องกันตนเองจากการตั้งครรภ์ เป็นต้น ส่วนสื่อที่ไม่สร้างสรรค์แบ่งออกได้เป็น 2 ระดับ คือ ระดับของสื่อทางเพศที่ห้ามมีการเผยแพร่ในสังคมไทยอย่างเด็ดขาด ส่วนระดับที่สอง เป็นสื่อทางเพศที่ต้องห้ามเนื่องจากเป็นผลมาจากศีลธรรมอันดีงามของสังคมไทย
ความหลากหลายของสื่อที่กล่าวมาข้างต้นนั้น วัยรุ่นบางคนก็ไม่สามารถแยกแยะสื่อที่สร้างสรรค์กับสื่อที่มาสร้างสรรค์ได้ จึงได้รับเอาข้อมูลเรื่องเพศมากจากสื่อทั้งสองประเภท สื่อที่ไม่สร้างสรรค์จึงมีการผลิตและเผยแพร่มากขึ้นทุกวัน ทั้งในรูปแบบหนังสือและวารสารต่างๆ สื่อที่อยู่ในรูปของภาพยนตร์ก็มี และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ปัจจุบัน ระบบอินเทอร์เน็ตได้ถูกนำมาใช้เป็นสื่อทางเพศอีกช่องทางหนึ่ง บางกรณีก้นำเสนอผ่านเว็บไซต์ บางกรณีก็นำเสนอในรูปแบบเกมออนไลน์ และจะเห็นได้ว่า ระบบนี้บางทีก็ขาดการดูแล และการจัดการที่ดี จึงทำให้มีการเผยแพร่ลุกลามอย่างรวดเร็ว นอกจากจะยั่วยุและกระตุ้นให้วัยรุ่นเกิดอารมณ์ทางเพศได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น แล้ว ยังอาจนำไปสู่การมีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศอีกด้วย
จากความสำคัญของสื่อในรูปแบบต่างๆที่กล่าวมา อาจกล่าวได้ว่า สื่อที่กล่าวมาจัดเป็นสิ่งเร้าภายนอกที่สำคัญ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องตลอดจนวัยรุ่นต้องให้ความสำคัญในการระมัดระวังในการเลือก รับสื่อที่ถูกประเภทด้วย

2. สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไป ในปัจจุบันคงต้องยอมรับกันว่า สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมไทยได้เปลี่ยนไป เนื่องจากมีการรับเอาวัฒนธรรมของชาติตะวันตกให้มามีบทบาทในการดำเนินชีวิต ประจำวันมากขึ้น ทำให้วัยรุ่นไทยมีความกล้าแสดงออกมากขึ้น ทั้งทางด้านการแต่งกาย การคบเพื่อนต่างเพศ ซึ่งมีอิสระมากขึ้น นอกจากนี้ ปัจจุบันสภาพของครอบครัวไทยเปลี่ยนไป ผู้ปกครองมีเวลาใกล้ชิดกับบุตรหลานน้อยลง ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพของภาวะทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังพบว่า ความมีอิสระของสื่อต่อการนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเพศ สิ่งต่างๆเหล่านี้จัดได้ว่าเป็นสิ่งเร้าภายนอกที่สำคัญที่สามารถจะเร้าและ กระตุ้นให้วัยรุ่นเกิดความต้องการทางเพศขึ้นได้ โดยเฉพาะหากขาดการดูแลและการควบคุมที่ถูกต้องเหมาะสม

3. ค่านิยมและประพฤติที่ไม่เหมาะสมในบางลักษณะของวัยรุ่น ผลจากสภาพทางสังคมและวัฒนธรรมทางสังคมไทยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศที่ เปลี่ยนไป สางผลให้วัยรุ่นไทยเกิดค่านิยมและมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในหลายลักษณะ เป็นต้นว่า ค่านิยมในเรื่องการแต่งกายตามสมัยนิยม (Fashion) ที่มากเกินไปของวัยรุ่น โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เช่น การสวมเสื้อผ้าที่รัดรูปทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้ง หรือการเปิดเผยสัดส่วนของร่างกายมากเกินไปของเพศหญิง ซึ่งการแสดงออกดังกล่าวอาจกระตุ้นและยั่วยุให้เพศชายเกิดความอารมณ์ทางเพศ ได้ นอกจากนี้ยังพบว่า วัยรุ่นมักจะมีค่านิยมเกี่ยวกับความต้องการในการแสดงออกโดยอิสระ เป็นต้นว่า การเที่ยวเตร่ในเวลากลางคืน การสัมผัสร่างกายของเพศตรงข้ามหรือการจับมือถือแขน กอดจูบกันในที่สาธารณะ การอยู่ลำพังสองต่อสอง หรือการไม่ให้ความสำคัญเรื่องการรักษาพรหมจรรย์ ฯลฯ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ถือว่าเป็นปัจจัยภายนอกที่สำคัญมากๆเพราะถือว่าเป็น ความคิดของวัยรุ่นที่เป็นวัยที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ถ้าได้รับการเรียนรู้มาแบบผิดๆ และไม่สามารถควบคุมอารมณ์ทางเพศไว้ได้ก็อาจทำให้เกิดความผิดพลาดครั้งยิ่ง ใหญ่ของชีวิตเลยก็ได้ วัยรุ่นจึงควรตระหนักในการควบคุมอารมณ์ทางเพศให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม และควรมีสติยั้งคิดอยู่ตลอดเวลาด้วย

ผลกระทบจากการเกิดอารมณ์ทางเพศของวัยรุ่น


ผลกระทบจากการเกิดอารมณ์ทางเพศของวัยรุ่น
ลักษณะ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสภาพจิตใจและร่างกายซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจาก การเกิดอารมณ์ทางเพศของวัยรุ่น แม้เรื่องดังกล่าวจะเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและวัยรุ่นเองก็ ไม่ควรจะพยายามฝืนหรือแสร้งทำเป็นว่าตนเองไม่มีความรู้สึกเช่นนั้น เพราะการกระทำดังกล่าวอาจจะก่อให้เกิดอันตรายแก่จิตใจและร่างกายของวัยรุ่น ได้ แต่อย่างไรก็ตามความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้ก็ควรได้รับการควบคุมและจัดการให้ ถูกต้องเหมาะสม เพราะหากขาดการควบคุม และจัดการอย่างถูกต้องแล้วย่อมจะนำมาสู่ผลกระทบในด้านลบ

ผล กระทบด้านลบที่เกิดขึ้นจากการเกิดอารมณ์ทางเพศของวัยรุ่น จนนำมาสู่ปัญหาทางสังคมที่เห็นได้ชัดคือปัจจุบัน การมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมของวัยรุ่น ซึ่งนำปัญหาต่างๆตามมาเป็นต้น การเกิดปัญหาการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ โรคติดต่อทางเพศ โดยปัญหาเหล่านี้ถือว่าเป็นปัญหาที่เป็นผลกระทบที่สืบเนื่องมาจากอารมณ์ทาง เพศของวัยรุ่นที่ไม่ได้รับการควบคุมและจัดการอย่างเหมาะสม

แนวทางในการจัดการกับอารมณ์ทางเพศของวัยรุ่น


:แนวทางในการจัดการกับอารมณ์ทางเพศของวัยรุ่น:
การจัดการกับอารมณ์ทางเพศของวัยรุ่น มี แนวทางการปฏิบัติที่สำคัญอยู่ 2 ลักษณะ ประกอบด้วย แนวทางการปฏิบัติเพื่อระงับอารมณ์ทางเพศ และ แนวทางการปฏิบัติเพื่อผ่อนคลายความต้องการทางเพศ



แนวทางการปฏิบัติเพื่อระงับอารมณ์ทางเพศ แนวทางการปฏิบัติเพื่อระงับอารมณ์ทางเพศ หมายถึง ความพยายามในการที่จะหลีกเลี่ยงต่อสิ่งเร้าภายนอกที่มากระตุ้นให้เกิดอารมณ์ ทางเพศที่เพิ่มมากขึ้น

1. หลีกเลี่ยงการดูหนังสือหรือภาพยนตร์หรือสื่อ Internet ที่มีภาพหรือข้อความที่แสดงออกทางเพศซึ่งเป็นการยั่วยุให้เกิดอารมณ์ทางเพศ

2. หลีกเลี่ยงการปฏิบัติหรือทำตัวปล่อยวางให้ความสบายเกินไป เช่น การนอนเล่นๆโดยไม่หลับ การนั่งฝันกลางวันหรือนั่งจินตนาการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ การอยู่ในสภาพของบรรยากาศที่มีแสงสีที่ก่อหรือปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศ

3. เหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดโอกาสการถูกสัมผัสในลักษณะต่างๆกับเพศตรง ข้ามซึ่งการกระทำดังกล่าวมักก่อให้เกิดอารมณ์ทางเพศได้ เช่นการจับมือถือแขน [10%] การกอดจูบ [60%] การลูบคลำ [80%] การเล้าโลม [100%]

4. หลีกเลี่ยงและรู้จักปฏิเสธเมื่อถูกชักชวนให้เที่ยวเตร่พักผ่อนในแนว ทางกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศ เช่น สถานที่ท่องเที่ยวกลางคืน การดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มมึนเมาต่างๆ ซึ่งสามารถนำพาไปสู่การเกิดอารมณ์ทางเพศได้


แนวทางการปฏิบัติเพื่อผ่อนคลายความต้องการทางเพศ


แนวทางการปฏิบัติเพื่อผ่อนคลายความต้องการทางเพศ
การปฏิบัติเพื่อผ่อนคลายความต้องการทางเพศ ในที่นี้หมายถึง กานผ่อนคลายความเครียดทางอารมณ์ที่เกิดมาจากความต้องการทางเพศซึ่งเป็นผลมา จากสิ่งเร้าต่างๆ ด้วยวิธีการปฏิบัติที่เหมาะสมโดยไม่ส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่นและสุขภาพของผู้ ปฏิบัติ
วิธีการปฏิบัติโดยทั่วไป อาจ มี 2 ลักษณะ ประกอบด้วย วิธีการผ่อนคลายความต้องการทางเพศด้วยการเบี่ยงเบนทางอารมณ์ และวิธีการผ่อนคลายความต้องการทางเพศด้วยการบำบัดความใคร่ด้วยตนเอง1. การผ่อนคลายความต้องการทางเพศด้วยการเบี่ยงเบนอารมณ์ทางเพศการ เบี่ยงเบนอารมณ์ทางเพศ หมายถึง การใช้แนวทางในการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆเพื่อหันเหความสนใจในเรื่องที่เกี่ยว ข้องกับเพศ ลดพลังความต้องการทางเพศที่เกิดขึ้นในช่วงวัยดังกล่าวให้ลดลง
การ เบี่ยงเบนอารมณ์ทางเพศปฏิบัติได้หลายลักษณะ เช่น การออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาทุกวัน การเรียนหรือการทำงาน เข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการ หรือร่วมในกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมตามโอกาสที่เหมาะสม ฯลฯ โดยการปฏิบัติที่กล่าวมาจะช่วยให้มีความเพลิดเพลินและผ่อนคลายความตึงเครียด ของอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้


2. การผ่อนคลายความต้องการทางเพศด้วยการบำบัดความใคร่ด้วยตนเองการ บำบัดความใคร่ด้วยตนเองหมายถึง การผ่อนคลายความต้องการทางเพศด้วยการจงใจกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกทางเพศใน ตนเองด้วยการกระตุ้นบนส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายก็ได้
การบำบัดความใคร่ด้วยตนเองนี้ นักจิตวิทยาส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า ไม่มีผลร้ายแยงต่อสุขภาพ แต่การบำบัดด้วยวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสมยังส่งผลให้สุขภาพทางกายและทางจิต ของบุคคลดีขึ้นได้อีกด้วย แต่ก็ไม่ควรปฏิบัติบ่อยจนเกิดความหมกมุ่นในเรื่องดังกล่าว ซึ่งก่อให้เกิดเป็นลักษณะนิสัยที่อาจส่งผลลบต่อบุคลิกภาพและความเข้มแข็งทาง ด้านการควบคุมอารมณ์ที่ดีได้
ควรระลึกถึงหลักการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องใน 3 ลักษณะสำคัญคือ

1) คำนึงถึงหลักความสะอาดเป็นพื้นฐาน
2) คำนึงถึงสถานที่ในการปฏิบัติ
3) ต้องไม่ปฏิบัติด้วยวิธีการที่รุนแรง

รูปแบบและวิธีการปฏิบัติของการบำบัดความใคร่ด้วยตนเอง1) ในเพศชาย เพศชายมักใช้มือไปกระตุ้นหรือสัมผัสที่องคชาต หรือบริเวณอื่นๆที่ไวต่อความรู้สึก ในการปฏิบัติดังกล่าวต้องระลึกถึงหลักการสำคัญใน 3 ลักษณะที่กล่าวมาข้างต้น
2) ในเพศหญิง พบว่ามีวิธีการปฏิบัติในหลายวิธี เช่น การใช้บริเวณต้นขาหนีบอุปกรณ์การนอน หรืออาจใช้มือสัมผัสด้วยความนุ่มนวลบริเวณอวัยวะที่ไวต่อความรู้สึกจนบรรลุ ความต้องการทางเพศ ต้องระมัดระวังหรือลีกเลี่ยงการปฏิบัติในบางลักษณะที่มีความรุนแรง เช่น การใช้น้ำฉีดที่บริเวณอวัยวะเพศ หรือการใช้นิ้วหรือวัตถุใดๆ สอดเข้าไปเสียดสีในช่องคลอด วิธีการเหล่านี้อาจส่งผลกระทบที่ก่อให้เกิดอันตรายโดยเฉพาะการอักเสบและการ ติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์จนเป็นอันตรายร้ายแรงตามมา ต้องระลึกถึงหลักการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับ 3 ลักษณะสำคัญที่กล่าวมาข้างต้นอีกด้วย